***บล็อกนี้ไม่ใช่บล็อกรีวิวสถาณที่เที่ยว แต่จะเป็นการบอกเล่าบันทึกประสบการณ์ของผู้เขียนเท่านั้น
***อาจจะมีขอมูลตกหล่นหรือไม่ครบถ้วนได้ ✌
Blog ก่อนหน้านี้
#TRIP1 MY FIRST SOLO TRIP จองได้ซะงั้น? เขาช้างเผือก [ PART 1 ]
i came i saw i left
ออกเดินทางได้
วันที่หนึ่ง
ออกเดินทางได้!
ช่วงค่ำของวันก่อนหน้า
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นจากท่ารถที่หมอชิต ( สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก จตุจักร เกือบไปผิดฝั่งล่ะ ฮ่าๆๆ) หลังจากได้ไหว้วานที่บ้านมาส่ง ผมก็มาถึงโดยที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อนรถโดยสารมาก่อนตามสไตล์คนไม่เคยไปเที่ยวไหน ก็มีความเคอะๆเขินๆอยู่บ้าง แต่ว่าผมได้จองเที่ยวรถ Mini-Bus ไว้แล้วก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร นำใบที่จองไว้ให้พี่พนักงานเขาช่วยแนะนำให้ก็ได้ขึ้นไปรอบนรถล่ะ บนรถ Mini-Bus ที่ผมโดยสาร ค่อนข้างแปลกใจว่าออกแบบมาค่อนข้างโอเคแต่ไม่มีช่องที่เก็บการเป๋าเหมือนรถทัวร์ที่เคยนั่งนอนไปทัศนศึกษาหรือไป รด. แต่จะเป็นการเอาไปกอนกันด้านหน้าสุดของแถวที่นั่งอืม. . . แต่ก็อาจจะสะดวกกว่าตอนปล่อยให้ผู้โดยสารลงตามจุดต่างๆ จะได้หยิบสัมภาระกันได้สะดวก (แล้วจะไม่หายรึ. . .)
ผมได้ที่นั่งข้างพี่แขกคนหนึ่ง ตั้งแต่ก่อนผมขึ้นมานั่รอบนรถเขาก็กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ (อย่างมันส์ และดังมาก. . .) ด้วยภาษาที่ผมไม่คุ้นเคย พร้อมกับสีหน้าสุดอิ่มเอมของทุงคนบนรถ
แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ใส่หูฟังไป ตามสไตล์มนุษย์ที่อะไรก็ได้ ถือซะว่าเป็นการเตรียมตัวไปเที่ยว Leh Ladak ฮ่าๆๆ ( ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกตอนเด็กๆก็เจอเท้าแทรกเก้าอี้ ขึ้นรถทัวร์ครั้งแรกก็เจอบังเสียงดัง. . . อะไรกันครับเนี่ย? )
แต่แล้ว. . . โฮโร่ก็มาถึง
คุณลุงคนขับ : " ถ้าไม่หยุดคุยจะต้องไปเที่ยวถัดไปนะครับ! "
ใครๆที่ว่าโลกนี้ถูกแบ่งด้วยกำแพงทางภาษา ก็มีลุงนี่แหละครับที่อยู่เหนือกำแพง
เงียบกริบตลอดทาง เปลี่ยนมาเป็นพิมพ์แบบรัวๆแทน ขอบคุณครับลุง ที่นำความสงบกลับมา
โอเค ออกรถได้!

บรรยากาศตอนเช้าของขนส่ง กาญจณบุรี
7:30 โดยประมาณตอนนี้รถได้มาถึงสถาณีขนส่งกาญจนบุรี แผนการเดินทางต่อไปของผมที่พอได้ศึกษามา คือ
จากขนส่งกาญจนบุรี
|
(รถบัส)
v
ตลาดอะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้
|
(รถสองแถวเหลือง ที่จะหมดเที่ยวก่อนเที่ยง)
v
อุทยานแห่งชาติ ที่พักคืนนี้
หลังจากถึงและลงจากรถ พร้อมกับบรรยากาศสุดสงบในยามเช้าของสถานี
หลังจากที่เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตากับไปซื้ออะไรมารองท้องจากร้านเจ็ดหนึ่งหนึ่ง มีรถบัสอีกคันหนึ่งจอดรอเรียกผู้โดยสารอยู่ ผมก็เดินเข้าไปถามพี่ที่เหมือนเป็นพนักงาน " คันนี้ไปอุทยานมั้ยครับ " เท่าที่ผมจำได้ " อ๋อ ขึ้นเลยน้อง " แล้วผมก็ขึ้นไป อืม พอมานั่งย้อนนึกดู คุณนี่มันน่าหลงซะทีจริงๆฮ่าๆๆๆ เขาว่ายังไงก็ยังงั้น
นั่งรอบนรถ
ใช้เวลาพักใหญ่ กว่าจะไปถึงตลาด ระหว่างทางด้วยความที่เป็นนอกเมืองหรืออะไรซักอ่าง บางช่วงเลยใช้เน็ตค่ายแดงไม่ได้ แต่ยังดีที่โหลดอะไรมาฟังอยู่บ้าง ก็ฟังวนไปนั่นแหละสามสี่คลิปสลับกับยูทูบบางช่วงที่เล่นได้ แหะๆ
. . .
หลังจากฟังคลิปสะดุดๆ กับพอดแคสวนไปวนมา รถก็มาส่งเราลงที่กลางตลาดที่จะต้องต่อรถเหลือง เอาจริงๆมันก็คือสองแถวนั่นแหละ มาถึงก็คันสุดท้ายพอดี ทุกคนและของทุกอย่างที่จะมุ่งหน้าไปอุทยานกับบ้านอีต่องก็ได้ไปอัดแน่นกันอยู่บนรถแล้วเรียบร้อย ที่นั่งผมเลยมาอยู่บนถังน้ำแข็งท้ายสุดของรถ ส่วนเจ้ากระเป๋าได้ไปนั่งกลางกระบะ . . . ดีกว่าคนอีก
นั่งห้อยขาบนถังน้ำแข็งมาเรื่อยๆ รถก็ได้แวะพักสองครั้งคือแวะร้านของชำของชาวบ้าน ต่อมาอีกซักพักก็เป็นจุดชมวิวบนเขาก่อนถึงอุทยาน สังเกตุได้ว่าไม่มีรถโดยสารทางอื่นเลยที่จะไปที่หมายได้อีกถ้าไม่ใช่รถเหลือง กับรถส่วนตัวหรือมอเตอร์ไซค์ แต่ว่าเท่าที่เห็นก็มีนักปั่นมากันอยู่บ้าง ขอนับถือใจกำลังขาเลย นั่งรถยังเหนื่อย
จอดแวะจุดแรก ที่นั่งระดับถังแดง
ที่พักจุดชมวิว
วิวจากจุดชมวิว
Next Station, Thong Pha Phum National Park
พอนั่งมาได้อีกซักพักรถก็มาจอดหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นักท่อนเที่ยวทั้งหมดที่จะค้างที่มารถเหลืองและต้องการนอนที่ลานกางเต็นท์คืนนี้จะต้องลงที่นี่ นับรวมผมแล้วที่ลงมามีทั้งหมดหนึ่งคนถ้วน ครับ
ด้วยความที่นั่งมาเพลินหรืออะไรซักอย่างผมเลยเดินไปที่ซื้อบัตรเข้าอุทยาน โดยหารู้ไม่ว่าลืมจ่ายค่ารถ พี่คนขับเดินลงมาตาม ฮ่าๆๆ เขินจัง สายตาหลายคู่ที่อยู่บนรถมองมาที่ผม แฮะๆ ก็คนมันลืม โทดคับ พอเสร็จสับรถก็ออกตัวไป
ถึงแล้ว ที่นอนคืนนี้
โอเค ทีนี้ก็ต้องไปจ่ายค่าเข้า ค่าค้างคืนต่างๆ แล้วก็ไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่อีกที บรรยากาศโดยรวมวันนี้ก็มีนักท่องเที่ยว มีครอบครัว มาค่อนข้างเยอะเลย คืนนี้ไม่เหงาแน่ พอทำเรื่องต่างๆกับเจ้าหน้าที่เสร็จ สำหรับผมก็จะต้องเดินเท้าไปที่ลานกางเต็นท์ประมาณ 500 เมตรได้ ด้วยความที่ปกติเป็นคนไม่ได้มีปัญหากับการเดินไกลอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนไปกับการเดินในชีวินประจำวันทั่วไป
ร้านสวัสดิการ ระหว่างทางเดินไปลานกางเต็นท์
นาทีนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของน้ำหนักกระเป๋า Backpack ที่อยู่บนหลังจริงๆ เป็นครั้งแรก
เสียงในหัว : * อืม ยากกว่าที่คิดเหมือนกันนะ ห้าร้อยเมตรกับกระเป๋าเนี่ย . . . *
เดินใช้เวลาซักแปปก็ถึงลานนอนคืนนี้ ระหว่างเดินมาก็มีรถผ่านเข้าไปหลายคันอยู่เหมือนกัน
บรรยากศลานตอนนี้ค่อนข้างร่มรื่น จุดกางเต็นท์ที่แบ่งเป็นช่องๆจะเป็นขั้นลงไปตามเนินเขา 4G 5G E ไม่ต้องพูดถึง สัญญานโทรศัพท์เริ่มขาดๆตั้งแต่เดินมาเมื่อกี้แล้วสำหรับค่ายสีสด แล้ววันนี้จะต้องมีสายคอนเฟริมขึ้นเขาจากอุทยานอีก เดี๋ยวพอกางเต็นท์อะไรเสร็จค่อยไปขอพี่เจ้าหน้าที่ติดต่อไปอีกทีแล้วกัน ที่ลานมีคนมาแล้วพอสมควรแต่ยังไม่แน่นมาก น่าจะต้องรีบไปจับจองก่อนล่ะตอนเย็นน่าจะมากันเยอะกว่านี้
( กลับมาเขียนต่อตรงนี้หลังจากทิ้งไปหลายเดือนมาก จำไม่ได้แล้วกี่เดือน )
ผมเลือกโซนที่กางเต็นท์ตามคำแนะนำของพี่เจ้าหน้าที่ ว่าตรงไหนลมจะไม่หอบเต็นท์ผมไปบ้างคืนนี้ เพราะยังไม่เคยนอนเต็นท์แบบนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่ามันจะสามารถแค่ไหนฮ่าๆๆ ที่ผมเลือกก็จะเป็นบริเวณขอบๆ จะได้หันหน้าเต็นท์ไปทางป่าได้แล้วก็จะได้ไม่โดนล้อม จากเต็นท์ขนาดใหญ่ระดับ 1 ครอบครัว
บรรยากาศโดยรอบลานกางเต็นท์เท่าที่จำได้ว่าระหว่างช่วงที่ผมกำลังลองผิดลองถูกกับการกางเต็นท์ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ช่วงแรกๆ ก็เต็มไปด้วยเสียงการดีเบตวิธีการ set up เต้นของกลุ่มและครอบครัวต่างๆที่มาเข้าพักกันที่นี่ ว่าต้องกางกันยังไงเพราะว่าดูแล้วว่าซื้อมาก็ไม่ค่อยจะได้ใช้กันบ่อยๆ เป็นบทสนทนาที่ฟังแล้วสนุกดีอาจจะมีโทสะเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างก็เป็นสีสันกันไปฮ่าๆๆ เป็นธรรมดา
ถึงตอนนี้ก็บรรลุวัตถุประสงค์ของวันนี้ทั้งหมดแล้ว เลยกะว่าจะไปซื้อข้าวมากินจากร้านสวัสดิการแล้วตอนเย็นก็ค่อยไปเดินเล่นดูรอบๆ
เล็กระดับส้มจี๊ด
ภายในกว้างขวาง พอสำหรับกุ้งแห้งยาว 168cm 1 นาย
Naturehike Spider 120d
หยิบมาอ่านด้วยเล่นๆไม่ได้อ่านหรอกเหนื่อยตอนระหว่างเดินจากเต็นท์กำลังจะออกไปซื้อข้าวมากินต้องมีเจ้าหน้าที่กำลังจะออกไปพอดี เขาเลยให้ติดรถ จยย ไปด้วยเลย สบายละ 500 เมตรกำลังเมื่อยฮ่าๆๆ พอไปถึงแล้วก็สั่งเมนูสุดคลาสสิคข้าวผัดหมู 1 กล่องพร้อมขนมมะเขือเทศยี่ห้อดังสุดคุ้มเรื่องราคาและน้ำเปล่าเพิ่มอีก 1 ขวดเป็นอาหารยังชีพของวันนี้ โชคดีที่ไม่หิวมากเพราะว่ายังไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่แต่พรุ่งนี้แหละค่อยว่ากัน
บรรยากาศร้านค้าสวัสดิการขายอาหารตามสั่งและของแห้ง
ระหว่างขากลับมาก็ได้ขอโทรศัพท์กับทางเจ้าหน้าที่โทรไปรีเช็คกับทางศูนย์อีกทีเรื่องการยืนยันการจองขึ้นเขาวันพรุ่งนี้ก็สรุปเป็นไปตามขั้นตอนด้วยดีครับ ( โดยส่วนมากสัญญาณที่ใช้ได้บริเวณนั้นจะเป็นค่ายตัวกลมๆสีเขียว )
ป้ายลานกางเต็นท์ อาหาร และเงาคู่ใจ
CT125 สวย Cub
เวลาประมาณซัก 5 โมงหลังจากนอนกลิ้งไปมาอยู่ในเต็นท์สุดกว้างขวาง ก็ได้เวลาออกมาเดินชมรอบๆจุดชมวิวต่างๆเพื่อชมความอลังการของภูเขาที่เราจะกำลังขึ้นไปพิชิตวันพรุ่งนี้
จุดชมวิวที่นี่จะมีอยู่ทั้งหมด 2 จุด คือจุดชมวิวเนินช้างเผือกและจุดชมวิวเนินช้างพลาย สามารถเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกกันได้ครับ พอไปถึงและได้พูดคุยกับคนที่มาพักที่นี่ก็ได้รู้ว่าจะเป็นผู้ร่วมเดินทางขึ้นยอดเขากันในวันพรุ่งนี้ด้วยอีก 2 คน ก็เลยได้ทำความรู้จักกันครับ มากันคนเดียวมาเจอกันที่นี่แปลกดีครับ
หลังจากนี้ผมก็จะแค่แปะรูปจะที่ได้จากจุดชมวิวต่างๆและมาร์คจุดบนแผนที่ไว้ให้เป็น Reference ของยอดเขาช้างเผือกและเนื้อลูกช้างและลานกางเต็นท์ที่อาจจะมองเห็นได้จากสันเขาบนภาพครับ (ขี้เกียจหาให้ครับมันเล็ก) ไปนอนละ ไว้เจอกันในบล็อกถัดไปเมื่อมีอารมณ์มาเขียน บ๊ายบาย😜
Ps. ความรู้สึกที่ได้ไปเห็นตรงนั้น กับภาพถ่ายมันแทนกันไม่ได้เลย